สงครามเป็นเรื่องโหดร้าย การสู้รบยังคงทิ้งร่องรอยอันลบไม่ออกไว้ในใจผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องรับมัน ปัจจัยเดียวที่ช่วยไถ่ถอนก็คือความกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อของเหล่าสหาย รวมถึงความเสียสละที่มีให้แก่กันและกันความรักและความสามัคคีในหมู่คณะนั่นเอง ความรักสามัคคีในหมู่คณะของเหล่าทหารทั้งในยามสงบและในยามออกรบ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก นี่คือสิ่งทที่ทุกกองทัพในโลกล้วนยึดถือเป็นกฎเหล็ก อันนำไปสู่เรื่องราวซึ่งเป็นตำนานมากมายที่เล่าขานถึงความรักความสามัคคีที่พวกเขามีต่อกัน มีคำกล่าวติดปากที่พูดกันต่อ ๆ กันว่า “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” หรืออย่าง “เอาศพคืนไม่ได้ก็เพิ่มศพเข้าไป” ของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่
มิตรภาพของ “สี่ทหารเสือ” (พระยาศรีสิทธิสงคราม, พระยาทรงสุรเดช, พระยาฤทธิอัคเนย์, พระประศาสน์พิทยายุทธ) ผู้เสี่ยงชีวิตเข้าเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อเช้ามืด 24 มิถุนายน 2475 ทั้งก่อนหน้าและเริ่มแรกก็เป็นเช่นนั้น แต่ชั่วเวลาข้ามปี ทุกอย่างพลันเปลี่ยนไป แล้วตามมาซึ่งชะตากรรมอันน่าเศร้า ไม่ว่าจะมองในมุมของความเป็นมนุษย์ และยิ่งน่าเศร้าขึ้นไปอีกเมื่อมองในมุมแห่งมิตรภาพ “หอกดาบ” อาจไม่สามารถทำลายมิตรภาพในหมู่ทหารได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถทำลายมิตรภาพของเหล่าทหารลงได้นั่นก็คือ “อำนาจ”