เรื่องราวของ “เย่เหอนาลา /ซูสีไทเฮา” เป็นสตรีสามัญชนที่ก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงสุด มีอำนาจเป็นเจ้าชีวิตของผู้คนได้นับล้านๆ คน แม้เวลาล่วงเลยมาจนประวัติชีวิตของพระนางกลายเป็นประวัติศาสตร์ ผู้คนรุ่นต่อๆ มาได้เรียนรู้ รับฟัง จนให้ความเห็นต่างๆ นานา กลายเป็นตำนาน แต่ผู้เขียน “วลี รัตนา” ได้นำเสนอกับผู้อ่านในรูปแบบเชิงนวนิยาย เพื่อความเพลิดเพลินอาจจะทำให้เกิดเห็นความแตกต่างออกไปอีก แต่ความเข้มข้นของเรื่องราวตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบชีวิตของพระนาง ยังมีครบทุกรสชาติแน่นอน
เย่เหอนาลาอี้หลาน กำพร้าพ่อตั้งแต่ยังแรกรุ่นเป็นคนฉลาด พูดจาฉะฉาน มีความทะเยอทะยานและความใฝ่ฝันปรารถนาที่จะฟันฝ่าไปให้ถึงในการได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเข้าไปในวังเพื่อเป็นนางสนมของฮ่องเต้ “เสียนเฟิง” ด้วยเหตุผลเพราะยากจนข้นแค้นและเป็นชาวบ้านธรรมดา ที่อาศัยอยู่ชานกรุงปักกิ่ง จนพระราชวังประกาศรับสมัครหญิงสาวบริสุทธิ์เธอก็ไปในวันคัดเลือก และถูกผ่านการตรวจอย่างเข้มงวด ถ้าคนใดมีครบองค์ประกอบก็จะผ่านเข้ารอบไปชิงตำแหน่งในรอบที่สำคัญที่สุด
แล้วเวลาสำคัญที่สุดในชีวิตของอี้หลานมาถึง เธอถูกส่งเข้าไปในท้องพระโรงของพระที่นั่ง พร้อมนั่งคุกเข่าเพื่อเงยหน้าให้ฮ่องเต้ดูเพื่อตัดสินพระทัย ปรากฏว่า อี้หลาน เป็นหนึ่งในสาวงามที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปเป็น (ว่าที่) นางสนมในวัง และทรงให้กำเนิดองค์ชายไจ้ฉุน (จักรพรรดิถงจื้อ) มีขันทีคู่ใจ 2 คน ชื่อว่า อันเต๋อไห่ , หลี่เหลียนอิง ได้ร่วมมือกับพระนางซูอันไทเฮาและองค์ชายอี้ซิน
พระอนุชาของจักรพรรดิเสียนเฟิงทำการรัฐประหาร 8 ผู้สำเร็จราชการที่จักรพรรดิเสียนเฟิงทรงแต่งตั้ง และยึดอำนาจบริหาร ทรง “ว่าราชการหลังม่าน” ด้วยพระนางเอง ต่อมาภายหลังเมื่อจักรพรรดิถงจื้อทรงสวรรคตในปี 1875 พระนางได้รับพระนัดดา คือ ไจ้เทียน ซึ่งเป็นบุตรชายของพระขนิษฐาของพระนาง ขึ้นเป็น จักรพรรดิกวงสู ทรงมีพระปรีชาสามารถมากพอ แต่น่าเสียดายที่เมื่อเกิดความล้มเหลว พระนางทรงสั่งให้คุมพระองค์ไปที่ตำหนักกลางทะเลสาบ และทรงไม่มีพระราชอำนาจในพระองค์อีกเลยจนเสด็จสวรรคต พระนางทรงสิ้นพระชนม์ในปี 1908 หลังการสวรรคตของจักรพรรดิกวงสู 1 วัน โดยทรงแต่งตั้ง “ปูยี” พระโอรสอายุเพียง 2 ปี 10 เดือนขององค์ชายชุนให้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป